กันแดด CR Aqua Glow Tone Up SPF 50 PA++ นวัตกรรมใหม่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนมีโมเลกุลของน้ำแตกออกขณะเกลี่ยลงผิว ให้ได้ feeling ที่นุ่ม บางเบา และชุ่มชื้น ไม่เหนียวเหนอะหนะ และทางบริษัทได้ปรับเพิ่มเติมสรรพคุณต่างๆ ที่ลูกค้าต้องการ ดังนี้
- เพิ่มผิวออร่า ในทันทีที่ทา
- กันน้ำ กันเหงื่อ
- ควบคุมความมันยาวนาน ตลอดวัน
- เหมาะสำหรับคนเป็นสิวง่าย ไม่ระคายเคือง ลดการอักเสบของสิว
- ช่วยบำรุง ผิวขาว ใสขึ้น
- ให้ความชุ่มชื้น และเบาสบายเป็นพิเศษ
กันแดดสุดมหัศจรรย์นี้ ได้ประกอบไปด้วยสารบำรุงต่างๆ ดังนี้
สารสกัดนมผึ้ง 10-hydroxydecanoic acid (10-HDA)
ลดความมันของผิว ควบคุมความมันบนใบหน้า ลดการเกิดสิว ต้านเชื้อแบคทีเรียสิว
สารสกัดจากดอก คาโมมายล์
สายพันธุ์เยอรมัน (German Chamomile) ช่วยลำเลียง active ingredients ในเครื่องสำอางค์ลงสู่ผิวหนัง (transdermal) และมีประสิทธิภาพในการลดการระคายเคือง การอักเสบ การแพ้ และมีฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรีย
Cucumber Extract (สารสกัดแตงกวา)
คุณประโยชน์ของสารสกัดแตงกวาต่อผิว
* ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
* ลดการอักเสบ การระคายเคืองผิวหนัง
* ลดอาการผิวไหม้จากแดดและผดผื่น
* ลดความหมองคล้ำของผิว
* ลดรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังช่วยในการฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้ผ่อนคลาย ลดอาการบวม ระคายเคืองและอักเสบเมื่อใช้เฉพาะที่
* ช่วยลดเลือน ริ้วรอย ร่องลึก เป็นเพราะแตงกวานั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ได้แก่ Vitamin C beta-caroteneและ manganese รวมทั้ง flavonoids, triterpenes และ lignans
* บรรเทาความหมองคล้ำรอบดวงตา ความเย็นของแตงกวา ควบคู่กับสารต้านอนุมูลอิสระและซิลิกาที่มีอยู่ในแตงกวาช่วยฟื้นฟูผิว ช่วยลดอาการบวมใต้ตา
* ควบคุมการหลั่งน้ำมันและการเกิดสิว
* ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
* บรรเทาการอุดตันรูขุมขน และความมันส่วนเกิน
Centella asiatica Extract สารสกัดใบบัวบก
จากการศึกษาพบว่า ใบบัวบกสามารถรักษาบาดแผลเล็กน้อยได้ ซึ่งใบบัวบกนั้นจะมี ไตรเทอร์พีนอยด์ (triterpenoids) ซึ่งคุณสมบัติคือจะช่วยเร่งการรักษาบาดแผล มีสารต้านอนมูลอิสที่จะช่วยเสริมสร้างผิวหนังได้บริเวณที่มีบาดแผลได้ อีกทั้งสารสกัดใบบัวบกนั้นอุดมไปด้วยกรดอะมิโน เบต้าแคโรทีน กรดไขมัน และไฟโตเคมิคอล,
สารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant), สารไตรเตอพีนอยด์ (Triterpenoids), สารไกลโคไซด์ (Glycoside), สารเอเชียทิโคไซด์ (Aciaticocide)
* ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อผิวหนังตามธรรมชาติ สร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว (Collagen & Elastin Booster)
* เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผิว ให้ผิวแข็งแรง
* ลดการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรียได้
* ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
* ลดเลือนริ้วรอย ความหมองคล้ำ อาการบวมช้ำ รอบคล้ำใต้ตา
* ช่วยขจัดเซลลูไลท์ให้ผิวเรียบเนียน
* มีฤทธิ์สมานแผล ลดรอยแผลเป็น
* บำรุงผิวให้เนียนนุ่มชื้นชื้น บรรเทาอาการคันที่เกิดการผิวแห้ง
Vitamin B3 วิตามินบี3
สามารถเพิ่มการสร้าง Collagen และ Lipid ในผิวหนัง
คุณสมบัติของ vitaminB3
- ลดริ้วรอย ลดรอยแดง/ดำ เร่งการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
- ช่วยปรับโทนสีผิวให้กระจ่างใส เรียบเนียนสม่ำเสมอ
- เพิ่มความชุ่มชื้น ด้วยการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน และเซราไมด์ (ceramide) และยังทำให้ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับการระคายเคือง (irritants)
- ลดความมันบนใบหน้า (sebum excretion) ช่วยลดการเกิดสิว
- มีฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดในผิวชั้น dermis ช่วยลดปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา เนื่องจากรอยคล้ำรอบดวงตา เกิดจากการคลั่งหรือการไหลเวียนได้น้อยของเลือดในบริเวณนั้น ทำให้เกิดสีคล้ำขึ้นมา
- เพิ่มความแข็งแรงให้ผนังเซลล์ผิว เพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวทันที โดยการเพิ่มปริมาณคลองส่งน้ำ(AQP3) ช่วยปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ
Ceramide Complex
Ceramide ซึ่งเหมือนกับไขมันใต้ผิวหนังของมนุษย์ โดยสกัดจากไขมันพืช ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้งเสีย ผิวมีอายุ ผิวมีริ้วรอย ปกป้องและสร้างเกราะป้องกันความชุ่มชื้นของผิว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผิวแห้งกร้าน ผิวแพ้ง่าย ผิวเริ่มมีริ้วรอย และผิวที่มีริ้วรอยหรือมีอายุ จากการทดลอง Ceramide Complex สามารถเพิ่ม ceramide ในชั้นใต้ผิวหนังได้มากกว่า 38% เมื่อใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 1เดือน โดยเมื่อระดับของ ceramide ในชั้นผิวสูงขึ้น จะทำให้การทนต่อสภาพแวดล้อมที่อาจระคายเคืองผิว ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ เกิดได้ยากขึ้นอย่างชัดเจน
ผิวที่เริ่มมีอายุ ปริมาณของเซราไมด์ (Ceramide) ใต้ผิว จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลจากการวิจัยของ A.V.Rawlings et al. ชื่อการวิจัย Biocosmetics-Skin aging บนวารสารวิทยาศาสตร์ IFSCC ฉบับ 1/31-45 (1993) พบว่า ระดับ Ceramide ใต้ผิวของแต่ละช่วงอายุจะเปลี่ยนแปลงไปดังนี้
ผิวมือ:
อายุ 1-30ปี จะมีระดับเซราไมด์ 100%
อายุ 31-40ปี จะมีระดับเซราไมด์เหลือ 78%
อายุ 41ปี ขึ้นไป จะมีระดับเซราไมด์เหลือ 63%
ผิวหน้า:
อายุ 1-30ปี จะมีระดับเซราไมด์ 100%
อายุ 31-40ปี จะมีระดับเซราไมด์เหลือ 62%
อายุ 41ปี ขึ้นไป จะมีระดับเซราไมด์เหลือ 37%
ตัวอย่างอาการเมื่อผิวขาดเซราไมด์
skin barrier หรือชั้นปกป้องผิว ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ โดยชั้นปกป้องผิวนี้ จะป้องกันไม่ให้ผิวชั้นในสัมผัสที่่สารก่อการระคายเคือง ก่อภูมิแพ้ รวมถึงแสง UV
จากผลการทดลองชื่อ "Changes in the Ceramide Profile of Atopic Dermatitis Patients" บนวารสาร [Journal of Investigative Dermatology (2010) 130, 2511–2514; doi:10.1038/jid.2010.161; published online 24 June 2010] ยืนยันว่า การลดลงของเซราไมด์ ของผิว มีความสัมพันธ์ต่อการระคายเคืองผิว และการเกิดผื่นแพ้ หรือผื่นแดงบนผิว ซึ่งผิวที่ขาดเซราไมด์ จะอ่อนแอ และเกิดการแพ้ได้ง่าย
[TEWL คือ Transepidermal water loss หรือการสูญเสียน้ำของผิว ซึ่งค่าการสูญเสียน้ำจะสูงขึ้นเมื่อผิวเกิดการแพ้ เมื่อเทียบกับผิวปกติ โดยผิวที่เกิดการแพ้ (กราฟ d) จะมีระดับ Ceramide ที่ต่ำกว่าผิวปกติอย่างมาก]